ประวัติ "เมืองชัยภูมิ"
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
“เมืองชัยภูมิ” ปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราช เป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา
แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น
และได้ถูกปล่อยไว้เป็นเมืองร้าง“เมืองชัยภูมิ” ปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๖๐ “นายแล” ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์
ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น(หนองอีจาน)
อยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอ สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน ปี พ.ศ. ๒๓๖๒
เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม
บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ ๖ กิโลเมตร นายแล ได้เก็บส่วย ผ้าขาว
ส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น “ขุนภักดีชุมพล” ในปี พ.ศ. ๒๓๖๕
นายแลได้ย้ายชุมชนอีกเนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวง
ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด เขตอำเภอเมืองชัยภูมิในปัจจุบัน
และได้มาขึ้นตรงต่อ เมืองนครราชสีมา
และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อ
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์อีกต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวง
เป็นเมืองชัยภูมิ และแต่งตั้ง ขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น “พระยาภักดีชุมพล”
เจ้าเมืองคนแรกของเมืองชัยภูมิ
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้ก่อการกบฏยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพฯ
โดยหลอก หัวเมืองต่างๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพฯ รบกับอังกฤษ
จนกระทั้งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๙
ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อความแตก
เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทร์
เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม
ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมาได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพลเจ้าเมืองชัยภูมิ
พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม
ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์จนแตกพ่ายไป
กองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้
และเกลี้ยกล่อมให้ พระยาภักดีชุมพล(แล)เข้าร่วมเป็นกบฏด้วย
แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์
เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า
ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความชื่อสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดินจึงได้พร้อมใจกัน
สร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น และชาวชัยภูมิได้สร้างศาลเพิ่มเป็นศาลาทรงไทย “ศาลาพระยาภักดีชุมพล(แล)” มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน
เป็นที่เคารพกราบไหว้ และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งของจังหวัด
ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ประมาณ ๓ กิโลเมตร
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
สัญลักษณ์:
- เป็นรูปธงสามชาย หมาย ถึงธงแห่งชัยชนะ
ความหมาย:
- รูปธงสามชาย
หมายถึงธงแห่งชัยชนะสงครามเดิมผู้ครองนครได้
เลือกภูมิประเทศเพื่อตั้งเป็นเมืองพบว่าตรงจังหวัดนี้มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์
ทำเลเหมาะการสู้รบป้องกันตัว
จึงตั้งเมืองขึ้นและให้สัญลักษณ์เป็นรูป
ธงสามแฉก
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ชื่อดอกไม้ : ดอกกระเจียว
ชื่อสามัญ : Siam Tulip
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่น : กาเตียว (ตะวันออกเฉียงเหนือ), จวด (ใต้), อาวแดง (เหนือ)
ลักษณะทั่วไป : กระเจียว เป็นพืชล้มลุกมีเหง้าอยู่ในดิน
จะพักตัวในฤดูหนาวและร้อน เมื่อถึงฤดูฝนจึงจะเริ่มผลิใบและดอก ใบยาวคล้ายใบพาย
ออกใบและดอกพร้อมกัน ต้นสูงประมาณ 2 ฟุต ดอกสีเหลืองในแดง กาบดอกสีม่วง
ออกดอกพร้อมกัน
การขยายพันธุ์ : แยกหน่อ
สภาพที่เหมาะสม : อากาศชื้นเย็น
ถิ่นกำเนิด : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
ตามเขตชายแดนไทย-ลาว และตามเขตชายแดนไทย-เขมร
ต้นไม้ประจำจังหวัด
ชื่อพันธุ์ไม้ : ขี้เหล็กบ้าน
ชื่อสามัญ : Thai Copper
Pod
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia siamea Lank.
วงศ์ : LEGUMINOSAE
ชื่ออื่น : ขี้เหล็กแก่น
(ราชบุรี), ขี้เหล็กหลวง
(ภาคเหนือ), ขี้เหล็กใหญ่
(ภาคกลาง), ขี้เหล็กบ้าน
(ลำปาง), ผักจีลี้
(เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), มะขี้เหละพะโดะ
(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ยะหา
(มลายู-ปัตตานี)
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้ยืนต้น
เปลือกสีเทาอมน้ำตาลแตกตามยาวเป็นร่อง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน
ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองที่ปลายกิ่ง ฝักแบนสีน้ำตาล
ขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด
และตอนกิ่ง
สภาพที่เหมาะสม : ดินทุกชนิด
ทนแล้ง ต้องการน้ำปานกลา
ถิ่นกำเนิด: ป่าเบญจพรรณชื้นทั่วประเทศ
เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และชุมพร
คำขวัญ ประจำจังหวัด
ชัยภูมิ เมืองผู้กล้า พญาแล
ทิวทัศน์สวยรวยป่าใหญ่
มีช้างหลายดอกไม้งาม
ลือนามวีรบุรุษสุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทวาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น