สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ

1.ผาเกิ้ง
               
                     ผาเกิ้ง เป็นชื่อของหน้าผาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน เพราะตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกมาบรรจบกัน บางครั้งอาจจะมีผู้คนเรียกตรงนี้ว่าช่องบุญกว้าง แต่ชื่อที่เรียกติดปากชาวบ้านทั่วไป คือ ผาเกิ้ง ซึ่งมีความหมายว่า ผาที่มีลักษณะเหมือนพระจันทร์ เพราะที่บริเวณหน้าผานั้น มีหินก้อนใหญ่เป็นชะง่อยยื่นออกไป ลักษณะครึ่งวงกลม ชาวบ้านมองดูแล้ว เหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จึงเรียกผานี้ว่า ผาเกิ้ง คำว่า เกิ้ง เป็นคำภาษาอิสานแท้ ซึ่งชาวภาคอิสานเรียกดวงจันทร์ว่า อีเกิ้ง

                       ความสำคัญของผาเกิ้งนั้น มีความสำคัญต่อคนในท้องถิ่นมานานแล้ว เพราะเป็นเป้าหมายในการเดินทาง จากหุบเขาเขตภูเขียว(ทิวเขาเพชรบูรณ์) มายังจังหวัดชัยภูมิ  เนื่องจากว่าเป็นเส้นทางลัดและสามารถเดินข้ามภูเขาที่ช่องบุญกว้างนี้นั่นเอง ซึ่งผาเกิ้งจะอยู่ฝั่งภูแลนคา มีจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน



2.อุทยานแห่งชาติตาดโตน

                         อุทยานแห่งชาติตาดโตน มีพื้นที่อยู่บนเทือกเขาภูแลนคา มีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของเทือกเขาภูแลนคา โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงโดยมีเทือกเขาล้อมรอบที่ราบเอาไว้ ตอนกลางเป็นหุบเขากว้างใหญ่ พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีเขาภูเขียว ภูกลาง และภูแลนคา ซึ่งจะมีระดับสูงสุด 905 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือจะมียอดภูแลนคาซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติตาดโตน โดยมีความสูงประมาณ 945 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยอดเขาสูงเหล่านี้เป็นต้นน้ำลำธารของห้วยต่างที่สำคัญหลายสาย และต้นกำเนิดของน้ำตกตาดโตน ได้แก่ ห้วยลำปะทาวหรือห้วยตาดโตน ห้วยน้ำซับ ห้วยคร้อ ห้วยตาดโตนน้อย ห้วยสีนวน และห้วยแก่นท้าว ซึ่งจะไหลรวมกันเป็นห้วยปะทาวและไหลผ่านตัวอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ นอกจากนี้ยังมีห้วยที่สำคัญคือ ห้วยชีลอง ห้วยช่อระกา ห้วยเสียว ห้วยแคน และห้วยเสียวน้อย สภาพป่าเป็นป่าดิบแล้ง ในบริเวณริมลำห้วยหุบเขาและยอดเขามีดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ดี และป่าเต็งรังเป็นดินกรวด มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ
                สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและจองบ้านพักล่วงหน้าได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 579-0529, 579-4842 การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 2051 จากตัวเมืองถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 21 กม. ถนนราดยางตลอดสาย



3.มอหินขาว

                 ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่ และเป็นที่มาของคำว่า มอหินขาว และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอเอียงเมืองปิซ่า และคล้ายกระดองเต่า ซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไป แท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป และเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตร จะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก โดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่า ผาหัวนาก และบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ
                     ที่มาของชื่อ มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวโตนเฮนจ์ เมืองไทยเสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปี และเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว
                       กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่ เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร ต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน เชื่อว่าที่นี่จะได้รับความนิยมในบ้านเราในเวลาไม่นานนัก

                  สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044810902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร.025620760



4.ทุ่งดอกกระเจียว

              ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอ เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ที่นี่นอกจะเป็นทุ่งดอกกระเจียวถือเป็นไฮไลต์ที่เด่นที่สุดของการมาท่องเที่ยวที่นี่การมาเที่ยวชมที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้สัมผัสกับทุ่งบัวสวรรค์หรือดอกกระเจียว ราชินีแห่งมวลไม้ดอกของขุนเขาป่าหินงาม ออกดอกสีชมพูอมม่วง ที่จะ ทยอยผลิบานเป็นระยะเวลา 2 เดือน ที่ออกปีละครั้ง ชูช่อล้อสายลมและสายหมอก ขึ้นเต็มทั่วผืนป่า ทุ่งดอกกระเจียว ถือเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนแห้งแล้งจะกลับคืนสู่ความเขียวขจีและแต่งแต้มด้วยความ สดใส ของกระเจียวที่ผิดอกสีชมพูเต็มทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยความงดงามตระการตาของดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มไป ทั่วผืนป่า ตัดกับพื้นสีเขียวขจีของหญ้าเพ็ก และโขดหินธรรมชาติ อีกทั้งรูปลักษณ์สวยงาม วิจิตรพิสดารทำให้เป็น ทุ่งดอกกระเจียวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในประเทศไทย ดอกกระเจียวจะพากันบานอยู่
                     การเดินทางมาชมทุ่งดอกกระเจียวที่สวยงามที่สุด คือ ในช่วงเช้าที่มีสายหมอกบางๆ ปกคลุม แต่ถ้าหากมาในช่วง บ่ายที่ฝนเพิ่งตกใหม่ๆ ก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้การเที่ยวชมเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทุ่งดอกกระเจียว แล้ว ยังสามารถชมแหล่งท่องเที่ยวบริเวณข้างเคียงได้อีกด้วย เช่น ป่าหินงาม ซึ่งจะมีก้อนหินรูป ลักษณ์แปลกตา นรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลฟีฟ่า รูปดอกเห็ดเขาประตูชุมพล น้ำตกเทพประทาน
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
1.ลานหินงาม   เป็นที่มาของชื่อ ป่าหินงามมีสภาพเป็นลานหินกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ล้อมรอบด้วยแนวป่าเต็งรัง บริเวณ ลานหินเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตา เช่น รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วย รางวัล ฟุตบอลฟีฟ่า รูปดอกเห็ดฯลฯ ซึ่งกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำมานานนับล้านปี
2.สุดแผ่นดิน   อยู่ห่างจากทุ่งดอกกระเจียวประมาณ 300 เมตร เป็นจุดสูงสุดของ อช. ป่าหินงาม และเป็นหน้าผาสูงสุดชายขอบ ด้านตะวันตกของที่ราบสูงโคราช มีความสูง 846 ม.ทางซ้ายมือเป็นที่ราบในเขต จ.พบุรี เบื้องหน้าเป็นทิวเขาและ ผืนป่า ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกาและทางขวามือเป็นพื้นที่ของ จ. เพชรบูรณ์ สิ่งที่ดูพิเศษสุดของจุดชมวิว แห่งนี้ี้คือ ลักษณะของผาหินที่ยื่นออกไปในอากาศคล้ายกับจุดชมวิวผาหำหด แต่มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อขึ้น ไปยืน บนหน้าผาจะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้กว้างไกล
3.ชมทะเลหมอกสุดแผ่นดิน(ช่วงปลายฝนต้นหนาว)     จุดชมทิวทัศน์สุดแผ่นดินงดงามที่สุดในช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะมีสายหมอกปกคลุมผืนป่าเบื้องล่างเป็นบริเวณ กว้าง ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามและอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่ง



5.น้ำผุดทับลาว

                   “สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว”  ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2536 ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม ตั้งอยู่ที่บ้านผาเบียด หมู่ 2 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ บนพื้นที่ 160 ไร่  ตามตำนานเล่าว่า กองทัพแห่งราชอาณาจักรล้านนา(ลาว)ในอดีต ยกกองทัพผ่านมา ที่บ้านผาเบียด และเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงได้ทำการเกษตร ปลูกข้าวสะสมเป็นเสบียงอาหารของกองทัพ และต่อมาก็มีคนลาวอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก จึงขนานนามว่า "น้ำผุดทัพลาว" หรือ "น้ำผุดทับลาว" สืบต่อกันมา
               น้ำผุดทัพลาว เกิดจากหินที่ถูกกัดกร่อนจากน้ำและความชื้น ด้วยระยะเวลานานหลายล้านปี จนทะลุเป็นโพรงใต้ภูเขา ทำให้เป็นทางน้ำไหลจากใต้ดิน ดันขึ้นสู่พื้นดิน เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำธรรมชาติ ผุดขึ้นในปริมาณกว่า 400 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงตลอดทั้งปี จึงสันนิษฐานกันว่า เป็นน้ำผุดที่เกิดจากการดูดซับน้ำของผืนป่าบนภูเขา และค่อยคลายไหลรวมกันผ่านโพรงหินใต้พื้นดินและผุดขึ้นมาให้ปรากฏ เป็นแหล่งน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ เป็นน้ำผุดหล่อเลี้ยงปู ปลาน้อยใหญ่ ต้นไม้ให้อุดมสมบูรณ์ ส่งผลความร่มเย็นตลอดทั้งปี
                นอกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ใกล้กับบ่อตาน้ำผุด มี พระพุทธรูปเก่าแก่และ เจ้าพ่อหมื่นตื้อซึ่งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสวนรุกขชาตินี้ ชาวบ้านยังได้ร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีสินค้าของที่ระลึก มีบริเวณที่ปูเสื่อ นั่งสนทนากันในหมู่คณะ หรือจะนั่งบนเถียงนาน้อย (บ้านไม้ไผ่น้อย) บริเวณใต้ร่มไม้ใหญ่ มีสายน้ำไหลผ่าน ได้ยินเสียงครกส้มตำดังโป๊กๆ กลิ่นหอมไก่ย่างลอยมาแต่ไกล ปลานิลสดๆ จากเขื่อนจุฬาภรณ์เผาเกลือ ซึ่งเขื่อนอยู่ห่างออกไปแค่ประมาณ 8 กิโลเมตร เท่านั้น
                การเดินก็สะดวกสบาย จากทางหลวงหมายเลข 12 (ชุมแพ-คอนสาร-เพชรบูรณ์) ถึงแยกอำเภอคอนสารให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2055 เข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนถึงเขื่อนจุฬาภรณ์ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะเห็นป้ายทางแยกเลี้ยวขวาเข้าไป สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว เป็นทางลาดยาง อีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะเห็นบ้านพักทรงสวยงาม และมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ด้วยราคาเป็นกันเอง  หากต้องการไปกราบสักการะ หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโมพระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าห้วยกุ่ม ต.หนองโพนงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ด้วยระยะทาง 20.7 กิโลเมตร หรือจะไปพักที่เขื่อนจุฬาภรณ์ แล้วเที่ยวชมสัตว์ป่าที่ทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ก็ไม่ไกลกันครับ 
                   สอบถามเพิ่มเติม : สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ 0-4481-1218, 08-9617-1345สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ  0-4482-2502, 08-6468-8894

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น